อีกหนึ่งกระแสสังคมที่มาแรงอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากหันกลับมาให้ความสนใจ นั่นก็คือ ประเด็นเรื่อง “Real Size Beauty”
“Real Size Beauty” เป็นการรณรงค์โดยคุณแอน ชิลี มิสไทยแลนด์ยูนิเวิสคนล่าสุด ทำให้ผู้หญิงหันกลับมายอมรับ และ ภาคภูมิใจในรูปร่างของตัวเอง ไม่ว่าจะรูปร่างลักษณะอย่างไร ทุกคนล้วนมีความสวย และ ความสามารถในแบบของตนเองด้วยกันทั้งสิ้น
ในสังคมไทย หลายคนอาจจะเคยมีประสบการณ์ ในการโดยทักทาย เช่น ”เธอดูอ้วนขึ้น หรือ ผอมลงหรือเปล่า” หรือ เป็นการทักเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกอื่นๆ เช่น ”ดูดำขึ้นนะ ทำไมช่วงนี้ดูโทรมจังเลย” ซึ่งคำพูดเหล่านี้ สร้างความรู้สึกด้านลบให้กับคนที่ถูกทักไม่มากก็น้อย แต่ไม่มีใครมองว่าเป็นเรื่องผิดแปลกอะไรในการทักทายแบบนี้ ซึ่งหากมองในแง่ดี เจตนาในการทักทายแบบนี้ คือ การแสดงความห่วงใยในแบบฉบับของคนไทยนั่นเอง
ถึงแม้ว่าคนถูกทักจะรู้สึกไม่ดี แต่ก็ไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็น หรือ แสดงความไม่พอใจ เพราะ บางท่านมองว่า จะถูกมองว่าเป็นคนที่คิดเล็กคิดน้อย หรือ ไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย เป็นต้น ส่งผลให้ความรู้สึกในด้านลบไม่ได้รับการจัดการ เกิดเป็นความรู้สึกอัดอั้นตันใจ และ อาจเกิดเป็นความเครียดสะสม ส่งผลต่อความมั่นใจ และ ความภาคภูมิใจในตัวเอง ที่รุนแรงไปกว่านั้นคือ อาจก่อให้เกิดเป็นโรคทางจิตเวชได้
วันนี้ The Better You by Pair จะมาชวนคุยในประเด็น ”Boday Shaming” หรือ ความรู้สึกแย่กับรูปร่างของตัวเอง ในมุมมองของผลกระทบ และ วิธีการดูแลจิตใจตัวเอง หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังรู้สึกแย่รูปร่างของตัวเองอยู่นะคะ
Body shaming คืออะไร
Body shaming นั้นคืออะไร เอาง่ายๆให้เห็นภาพเลยนะคะ ในภาพยนต์เรื่องแฟนฉัน (ภาพยนต์อาจจะเก่าไปสักหน่อยนะคะ) จะมีปรากฎให้เห็นหลาายฉากในหมู่ของเด็กๆเลย ขอยกตัวอย่างของตัวละคร “แจ็ค” นะคะ ที่จะโดนเพื่อนล้อว่า “อ้วน ดำ” หรือจะในส่วนของ “น้อยหน่า” ที่จะโดนฝั่งผู้ชายล้อ“หน้าอกใหญ่” ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นการล้อเลียนในเรื่องของรูปลักษณ์ รูปร่างโดยทั้งสิ้น
ทีนี้เราลองขยับมาให้ใกล้ตัวเรากันหน่อย คุณเคยโดนทักด้วยคำถามเหล่านี้ไหมคะ วันนี้ดูอ้วนขึ้นไหม กินข้าวเยอะๆน้า ดูผอมลงไปเยอะเลย เธอก็หน้าตาดีนะ ทำไมถึงยังไม่มีแฟนละ เป็นต้น
เราเชื่อว่าคุณอาจเป็นคนหนึ่งที่ถูกทัก หรือ ทักคนอื่น ด้วยคำพูดเหล่านี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของ Body Shaming ทั้งสิ้น ซึ่งเราอาจจะไม่ทันได้คิดว่า คำพูดเหล่านี้อาจสร้างผลกระทบทางจิตใจของผู้ได้ยินในแง่ลบ หรือ เราอาจจะรู้สึกกับตัวเองในแง่ลบ หลังจากได้ยินคำทักแบบเดิมๆ จากคนอื่นมาเป็นเวลานานๆ
ผลกระทบที่เกิดจากการ Body shaming
โดยธรรมชาติ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราต้องการเป็นที่ยอมรับ
การที่เราจะได้รับการยอมรับ เราเชื่อว่า เราจะต้องผ่านมาตรฐานหรือค่านิยมบางอย่างที่สังคมตั้งไว้ เช่น หากเราจะได้รับการยอมรับว่า รูปร่างดี หน้าตาดี เราจะต้อง ขาว สูง หมวย ผอม เท่านั้น นี่เป็นเหตุผลให้คนจำนวนมาก พยายามใช้ครีมที่จะช่วยให้ผิวขาว มีโปรแกรม และ ผลิตภัณฑ์มากมายที่จะช่วยให้เราลดน้ำหนัก เพราะใครๆ ก็อยากเป็นที่ยอมรับ อยากเป็นคนที่ดูดีในสังคมที่เราอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น
การที่เราแตกต่างไปจากค่านิยมมากๆ เช่น อ้วนมาก ผอมมาก ก็มักจะเป็นเป้าหมายให้คนอื่นๆ ล้อเลียน (bully) ส่งผลต่อความรู้สึกในด้านลบต่อตัวเอง ไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง เกิดเป็นความเครียด ความรู้สึกวิตกกังวล กลัวการเข้าสังคม จนถึงขั้นรุนแรง คือ แสดงออกในทางของโรคจิตเวชได้
ยกตัวอย่างเช่น โรคคลั่งผอม (Anorexia Nervosa) ซึ่งเป็นอาการหมกมุ่นกังวลกับน้ำหนักรูปร่างของตัวเองเป็นอย่างมาก ส่งผลต่อพฤติกรรมการกิน เช่น บางคนกินอาหารเข้าไป แล้วก็จะไปล้วงคออาเจียนเพื่อเอาออกมา บางคนอดอาหารไม่ยอมกินอะไรเลย หรือบางคนอาจจะชั่งน้ำหนักตลอดเวลา เป็นต้น พฤติกรรมเหล่านี้ ส่งผลให้บุคคลนั้นขาดสารอาหาร ส่งผลถึงสุขภาพร่างกาย ซึ่งในรายที่เป็นหนัก อาจทำให้เสียชีวิตได้
ในปัจจุบัน การล้อเลียน หรือ การบุลลี่ ทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งในโลกออนไลน์ และออฟไลน์ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เผชิญปัญหานี้อยู่ เราจะ
ทีนี้ในปัจจุบันที่เราต้องเจอกับการบูลลี่ได้ทุกทิศทาง ไม่ว่าจะจากออฟไลน์ หรือออนไลน์ ทั้งคนรู้จัก และไม่รู้จัก เราจะสามารถรับมือกับเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร
วิธีการจัดการกับจิตใจของตัวเองเมื่อรู้สึกแย่ จากการโดยล้อเลียนเรื่องรูปร่างลักษณะภายนอก
1. ยอมรับในความเป็นตัวตนของเรา
บ่อยครั้งคนที่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการเหยียดรูปร่างหน้าตา มักจะซ่อนตัวจากผู้คน ไม่อยากพบเจอใคร ซึ่งเป็นเพราะพวกเขารู้สึกอาย นั่นเอง
ยิ่งเราแยกตัวจากผู้คน เราก็จะยิ่งรู้สึกหดหู่ มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า หากเราปล่อยให้คำพูดของคนอื่นมาตัดสินความเป็นตัวของเรา มีผลกระทบทางด้านลบกับชีวิตของเรา เช่น การเสียโอกาสที่จะได้เจอคนดีๆ คนอื่นๆ ในสังคม เสียโอกาสต่างๆ ที่เราอาจจะได้รับจากการนำเอาความสามารถ ศักยภาพของเราที่แท้จริงมาใช้
เราทุกคนมีคุณค่า และ มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของเรา กลับมายอมรับ รัก และ เห็นคุณค่าในตัวของเราเอง ใช้ชีวิตของเราในสังคมอย่างมีความสุขกันเถอะค่ะ
2. การรับผิดชอบต่อชีวิตตนเอง
หากคำพูดนั้นมาจากคนที่มีความสำคัญกับคุณ เช่น พ่อแม่ของคุณ ซึ่งเจตนาอาจมาจากความเป็นห่วง พ่อหรือแม่ของคุณอาจทักคุณว่า ทำไมช่วงนี้ดูโทรมจังเลย สิ่งที่เราควรพิจารณาคือเจตนาของท่าน ซึ่งเพียงกังวลว่า เราดูไม่สดใส หรือ ดูไม่แข็งแรง อาจไม่สบายหรือเปล่า
เราก็ควรกลับมาพิจารณาในการรับผิดชอบต่อสุขภาพของตัวเอง มากกว่าการตีความคำพูดนั้นเป็นด้านลบ
3. ลดการใช้ Social Media
จากผลงานวิจัยของ Eastern Illinois University พบว่า การใช้เวลากับโซเขียลมีเดียมากจนเกินไป มีแนวโน้มที่จะมีความคิดด้านลบ หรือ ความวิตกกังวลต่อรูปร่างหน้าตาของตนเองอย่างเห็นได้ชัด เหตุผลก็คือ พวกเขาเสพเนื้อหาจาก ภาพดารา นักแสดง หรือคนที่มีชื่อเสียงได้รับการยอมรับในสังคม ที่ดูเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบหลังจากผ่านการคัดกรอง และ ตัดแต่งมาแล้ว
การเสพเนื้อหาลักษณะนี้ทุกวัน ก็ทำให้เรากลับมาเปรียบเทียบตัวเราเอง และรู้สึกแย่ ยิ่งถ้าอ่าน ข้อเสนอแนะในด้านลบด้วยแล้ว ก็ยิ่งส่งผลต่อความคิดของเราในด้านลบมากขึ้นไปอีก
นี่หละค่ะ 3 วิธีการปรับที่ตัวของเราเองเบื้องต้น ที่จะช่วยให้เราลดความรู้สึกแย่กับตัวเองในเรื่องรูปร่างหน้าตาได้ ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีทุกข้อเริ่มต้นที่การปรับวิธีการมอง วิธีคิดของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมจัดการได้
สิ่งภายนอก ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นของคนอื่น คำพูดของคนอื่น เราควบคุมไม่ได้ และ หลีกเลี่ยง 100% ไม่ได้เช่นกัน การกลับมาปรับที่ตัวเรา ก็จะทำให้เรารู้สึกทุกข์น้อยลง สามารถยอมรับตัวเราในแบบที่เราเป็นได้มากขึ้น
คนเราทุกคนมีคุณค่า และ เอกลักษณ์ของตัวเราเอง ไม่ว่าเราจะมีรูปร่างอย่างไร มีเชื้อชาติอย่างไร เราก็สามารถเป็นที่รัก คู่ควรกับสิ่งดีๆ และ การยอมรับด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น จงรัก และภาคภูมิใจในตัวเองในแบบที่เราเป็นนะคะ
The Better You Counseling
คุณพร้อมหรือยังที่จะปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง? The Better You Counseling พร้อมเป็นกุญแจสำคัญในการไขความลับสู่ชีวิตที่ดีกว่า ด้วยบริการให้คำปรึกษาที่หลากหลายทั้ง Online และ Onsite เราพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านสุขภาพจิตของคุณ
🔓 Individual Counseling: เซสชั่นส่วนตัวเพื่อสำรวจตัวตนและค้นหาแนวทางในการเติบโต
💑 Couple Counseling: เสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างคู่รัก
👥 Group Counseling: แบ่งปันและเรียนรู้ร่วมกันในกลุ่มที่มีประสบการณ์คล้ายคลึงกัน
เรายังมีหลักสูตรด้านจิตวิทยาที่หลากหลาย ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง เพื่อเสริมทักษะการให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพ พร้อมด้วยบริการบำบัดรักษาเฉพาะทางสำหรับ:
🩹 ผู้ประสบภาวะสะเทือนขวัญทางใจ (Trauma)
✍️ การบำบัดผ่านการเขียน (Writing Therapy)
🧘♀️ Retreat Program ที่ผสมผสานการบำบัดและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
สำหรับองค์กร เราพร้อมให้บริการ:
🔍 วิเคราะห์สุขภาพจิตในที่ทำงาน
🎓 จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีในสถานที่ทำงาน
コメント