top of page

Manifestation กับคำอธิบายเชิงจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์

Manifestation คืออะไร


“Manifestation” หมายถึงการเปลี่ยนสิ่งที่เราคิดให้เป็นความจริง โดยทั่วไปแล้ว เราต้องการ “manifest” สิ่งที่เราต้องการให้เกิดขึ้น เพื่อให้เรามีชีวิตที่ดีหรือมีความสุขมากขึ้น

หลายคนพูดถึง “manifest” ว่าคือ กระบวนการทางความคิด ความรู้สึก และความเชื่อ ที่สร้างความจริงขึ้น ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้โดยวิทยาศาสตร์ หรือมีหลักฐานที่ชัดเจน สนับสนุนแนวคิดนี้ในปัจจุบัน


อันที่จริงแล้ว Manifestation หมายถึงอะไร


Manifest เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างมาก มาจากเรื่อง The Secret และ The Law of Attraction นักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวว่า Manifestation ไม่ใช่หลักการทางวิทยาศาสตร์ หรือไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้



manifest
manifest


หากจะอธิบาย manifest ด้วยหลักการทางวิทยาศาตร์​ เราสามารถอธิบายในแง่มุมต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้

Growth mindset


Growth mindset คือแนวคิดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ค้นพบโดย Carol Dweck นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัย Stanford โดยเขาเชื่อว่าการเชื่อมั่นในความสามารถและความเฉลียวฉลาดของตนเองจะช่วยให้เขาทำงานหนักและต่อเนื่อง ไม่ย่อท้อและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คนที่มีแนวคิดแบบนี้จะมองความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง แทนที่จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถหรือความเฉลียวฉลาดที่อยู่ในขณะนั้น


Growth mindset ช่วยให้เรา manifest ความฝันและเป้าหมายของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่เราตั้งไว้ โดยการเชื่อในความสามารถของตนเอง งานวิจัยของ Dr. Carol Dweck ได้เปิดเผยว่า การเชื่อในความสามารถ และ สติปัญญาของเรา ช่วยให้เราใช้ชีวิตแบบที่เราฝันไว้ หรือ แบบที่เราวางเป้าหมายไว้ได้สำเร็จ โดยสรุปคือ growth mindset ช่วยให้เรา manifest ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

งานวิจัยนี้ยังแนะนำว่า ถ้าเราเชื่อจริงๆว่าเราทำได้ เราจะตั้งใจอย่างมากเพื่อจะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ ซึ่งอาจขัดแย้งกับ law of attraction ที่บอกว่า แค่เชื่ออย่างเดียวก็ทำให้เรา manifest ได้ สุดท้ายแล้ว วิทยาศาสตร์แนะนำว่า ความเชื่อจะช่วยให้เรากระทำและทำให้ได้ผล






Self-fulfilling prophecy

ความเชื่อ หรือ ความคาดหวัง มีอิทธิพลต่อ พฤติกรรม และ การกระทำของเรา ซึ่งที่สุดแล้วส่งผลต่อผลลัพธ์ของความเชื่อ และ ความคาดหวังของเรา หรือ พูดง่ายๆ ก็คือ เราเชื่อแบบไหน เราก็มักจะเป็นแบบนั้น


งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ถ้าเราคาดหวังด้านลบหรือด้านบวกเกี่ยวกับเรื่องใด ๆ มันก็มักจะเป็นไปตามนั้น โดยเราเรียกมันว่า self-fulfilling prophecy ถ้าเราคาดหวังว่าเราจะสำเร็จตามเป้าหมาย เราก็จะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น


ตัวอย่างเช่น ถ้าเราเชื่อว่า เราไม่มีทางได้งานที่ดี เพราะเราไม่มีความสามารถเพียงพอ หรือ จากข้อแม้บางอย่าง ผลที่เกิดจากความเชื่อ ก็คือ เราไม่กล้าแม้จะสมัครงานที่เราต้องการ ทำให้เราไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้งานนั้น เป็นต้น


ความคิดลบ

งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ถ้าเรารู้สึกแย่ เราก็จะมองโลกในแง่ที่ไม่ดี แม้ว่ามันไม่ได้อยู่ในสภาพแย่ ๆ คนที่มักมองโลกในแง่ของสิ่งที่ดี ก็จะสนใจโฟกัสที่ด้านบวก ในขณะที่คนที่คิดลบอาจจะพบสิ่งแย่ ๆ เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า bias นั่นเอง


คิดด้านบวก

วิจัยของดร.บาร์บาร่า เฟรดริกสันแสดงให้เห็นว่า การมีอารมณ์ดีช่วยให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ เช่นเดียวกับการวิจัยของดร.ซอนย่า ลินบอมิร์สกีดกันว่า ความสุขช่วยให้เราประสบความสำเร็จ คนที่มีความสุขมักจะดึงดูดโอกาสที่ดี ๆ มีความสัมพันธ์ที่ดี และสร้างสิ่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้น

เพราะใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้คนที่มีอารมณ์ดีมากกว่าคนที่มีความคิดลบ ทำให้ความช่วยเหลือเมื่อไหร่ก็ตามจะไปที่คนที่คิดบวก


เราจะใช้วิทยาศาสตร์เพื่อช่วยในการ manifest สิ่งที่เราต้องการได้อย่างไร

1. ต้องมีความชัดเจนในสิ่งที่เราต้องการ manifest

เราต้องรู้สิ่งที่เราต้องการและใช้เวลาในการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน การใช้ mindful meditation เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เรามี self-awareness และอาจพูดคุยกับเพื่อนเพื่อช่วยให้เราเข้าใจสิ่งที่ต้องการได้มากขึ้น




2. Manifest สิ่งที่สำคัญสำหรับเรา

เมื่อต้องการ manifest สิ่งที่เราต้องการ ให้ถามตัวเองคำถามเหล่านี้

  • สิ่งนี้จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นหรือไม่

  • เราอยากได้สิ่งนี้เพราะตัวเราจริงๆ ใช่ไหม

  • สิ่งนี้จะมาทำร้ายหรือทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ดีในชีวิตของเราหรือไม่

การตอบคำถามเหล่านี้จะช่วยให้เราเลือก manifest สิ่งที่เราต้องการจริงๆ และเชื่อในมันได้จริงๆ สิ่งที่เราคาดหวังและทำให้เรารู้สึกดีจะช่วยให้เรา manifest มันได้สำเร็จ


3. จินตนาการถึงสิ่งที่ต้องการ manifest เพื่อให้รู้สึกดี

การจินตนาการถึงสิ่งที่ต้องการ manifest จะทำให้เรารู้สึกดีและมั่นใจกับตัวเราเองมากขึ้น การรู้สึกแบบนั้นจะช่วยให้เราเชื่อในตัวเองมากขึ้น แค่เพียงหลับตาแล้วจินตนาการถึงสิ่งที่เราต้องการก็สามารถช่วยให้เรารู้สึกดีและมั่นใจได้แล้ว


 

The Better You by Pair


เราเป็น Platform ที่แบ่งปันบทความด้านจิตวิทยาที่จะช่วยให้คุณสามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพจิตของคุณ


นอกจากนี้ เรายังมีบริการอื่นๆ ที่คุณสามารถใช้บริการได้ในรูปแบบออนไลน์ ได้แก่


การให้บริการปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยนักจิตวิทยามืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์ให้คำปรึกษามากกว่า 1000 ชั่วโมง 

การบำบัดในรูปแบบต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเยียวยาจิตใจสำหรับปัญหาของคุณโดยเฉพาะ 




592 views0 comments
bottom of page