top of page

ความเชื่อที่ควบคุมชีวิตเรา

Updated: Jul 17, 2023

"ความเชื่อ" ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเราอย่างมาก

"ความเชื่อ" สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จ มีความสุขกับชีวิต และในทางกลับกัน ก็ทำให้ เรามีความทุกข์ และไม่สามารถนำศักยภาพที่เรามีออกมาใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดได้ด้วย




ในทางจิตวิทยากล่าวไว้ว่า "ความเชื่อหลัก" หรือ core beliefs เปรียบเสมือนหลักในการดำเนินชีวิตของเรา ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ความเชื่อหลักที่เป็นลบ ที่ส่งผลเสียต่อชีวิตของคนจำนวนมากมีด้วยกัน 4 ข้อได้แก่


1. เชื่อว่า ฉันไม่เป็นที่ยอมรับ คนที่มีความเชื่อว่า ตัวเองไม่เป็นที่ยอมรับ มักมาจากประสบการณ์ที่ถูกปฏิเสธจากเพื่อน หรือคนในครอบครัวเมื่อเป็นเด็ก ซึ่งการปฏิเสธมีหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ ไม่ได้รับการยอมรับให้เข้ากลุ่มเพื่อเล่นกับเพื่อน ถูกคนเลี้ยงผลักไสให้ไปอยู่กับคนอื่น เพราะความไม่พอใจบางอย่างในตัวเด็ก เป็นต้น ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเด็กคนนั้น ทำให้เมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เขาก็มักจะหลีกเลี่ยงที่จะรู้สึกว่า โดนปฏิเสธ หรือไม่เป็นที่ยอมรับอีก โดยการ หลีกเลี่ยงความสัมพันธ์กับคนอื่น หรือ พยายามที่จะทำให้คนอื่นยอมรับมากกว่าปกติ เป็นต้น


2. เชื่อว่า โลกใบนี้ไม่ปลอดภัย และ เต็มไปด้วยสิ่งที่น่ากลัว

คนที่รู้สึกว่า โลกใบนี้ไม่ปลอดภัย และ เต็มไปด้วยสิ่งที่น่ากลัว จะมีความรู้สึกวิตกกังวลอยู่เป็นประจำ พวกเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ไม่มั่นใจในตัวเอง ต้องการคำยืนยันจากคนรอบตัวอยู่เป็นประจำ ประเมินความสามารถของตัวเองต่ำ และ ส่งผลให้ไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่


3. เชื่อว่า ฉันไม่ดีพอ

คนกลุ่มนี้มักมีความคิดว่า ตัวเองไม่เก่ง หรือ ไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำเรื่องนี้ได้ ซึ่งมักมาจาก การถูกตำหนิ หรือทำให้กลัวในวัยเด็ก หรือ แม้แต่ถูกเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นอยู่เสมอ และทำให้พวกเขามีความเชื่ออย่างฟังใจว่า "ฉันไม่ดีพอ" ทำให้พวกเขาแสดงออก โดยการผลัดวันประกันพรุ่ง อยู่เสมอ เนื่องจากความกลัวความผิดพลาด และ ตอกย้ำความเชื่อที่ว่า พวกเขาไม่ดีพอ ไม่เก่งพอที่จะทำสิ่งนี้ได้ และไม่ต้องการให้ใครรู้ ดังนั้น การไม่ทำ ก็ยังดีกว่า การทำแล้วล้มเหลว



4. เชื่อว่า ฉันจะต้องสมบูรณ์แบบเท่านั้น

ความเชื่อว่า ฉันจะต้องสมบูรณ์แบบ ส่งผลให้คนกลุ่มนี้ มีความคาดหวังสูง และ บ่อยครั้งเกินความเป็นจริง และมักมองหาข้อผิดพลาด หรือ ความไม่สมบูรณ์แบบอยู่เสมอ ทำให้พวกเขามีความเครียดสูง ไม่สามารถที่จะปล่อยวางได้ อย่างไรก็ตาม หากเราเข้าใจว่า เรามีความเชื่อในด้านลบอย่างไร ที่ส่งผลเสียต่อชีวิตของเราอยู่ เราสามารถปรับความเชื่อนั้นได้ ด้วย 3 วิธีดังต่อไปนี้


1.ทำความเข้าใจเพื่อหาที่มาของความเชื่อของตัวเอง

บ่อยครั้งความเชื่อในด้านลบ มาจากบาดแผลในวัยเด็ก ซึ่งเกิดจากการเลี้ยงดู พ่อแม่ของเราพยายามที่จะเลี้ยงเราอย่างดีที่สุด ตามความสามารถ และ ความเข้าใจของเขาในขณะนั้น แต่บางครั้ง การกระทำ หรือ คำพูดบางอย่าง ก็อาจสร้าง "ความเชื่อด้านลบ" ให้กับเราได้



วิธีการจัดการ ก็สามารถทำได้โดย การเข้าใจที่มาที่ไปของความเชื่อนั้น เช่น เชื่อว่า เราจะเป็นที่รัก ก็ต่อเมื่อเราจะต้องเรียนเก่ง หรือ เชื่อฟังพ่อแม่ ซึ่งอาจเกิดจากการที่พ่อแม่ขู่เรา ตอนที่เราดื้อ หรือ ไม่เชื่อฟัง ว่าจะไม่รักแล้ว ถ้าเราไม่เชื่อฟัง เมื่อเราเข้าใจที่ไปที่มาแล้ว ก็ถือว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการปรับความเชื่อของเราต่อไป


2. หาหลักฐาน

หากเราเชื่อว่า "เราจะไม่เป็นที่รัก ถ้าเราเรียนไม่เก่ง หรือ ดื้อ" เมื่อใดก็ตามที่เรามีความรู้สึกน้อยใจ ว่าพ่อแม่ไม่รัก ให้เราพูดกับตัวเองในสิ่งที่ตรงข้ามกับความเชื่อของเรา เช่น "พ่อกับแม่รักเรา แม้ว่าเราจะเรียนไม่เก่ง หรือไม่ทำตามที่เขาพูด" หลังจากนั้น พยายามหาเหตุการณ์ เพื่อมาสนับสนุนความเชื่อใหม่ เช่น แม้ว่าเราจะเลือกทำในสิ่งที่เราอยากทำ มากกว่าที่พ่อแม่อยากทำ พ่อกับแม่ก็ยังคงรัก และ ใส่ใจเราอยู่ เป็นต้น


3. มองโลกในแง่บวก

เมื่อใดที่เรารู้สึกว่าเรากำลังมีอารมณ์ในด้านลบ ให้เราสังเกตที่ความคิด หากความคิดของเราเป็นความคิดลบ ให้พยายามแทนที่ด้วยความคิดที่เป็นบวก


หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ที่ทำให้คุณเข้าใจความเชื่อ ที่เป็นที่มาของพฤติกรรม และปรับความเชื่อของเราเสียใหม่ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุขขึ้นของเราเอง


 

The Better You by Pair


เราเป็น Platform ที่แบ่งปันบทความด้านจิตวิทยาที่จะช่วยให้คุณสามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพจิตของคุณ


นอกจากนี้ เรายังมีบริการอื่นๆ ที่คุณสามารถใช้บริการได้ในรูปแบบออนไลน์ ได้แก่


การให้บริการปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยนักจิตวิทยามืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์ให้คำปรึกษามากกว่า 1000 ชั่วโมง 

การบำบัดในรูปแบบต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเยียวยาจิตใจสำหรับปัญหาของคุณโดยเฉพาะ 



131 views0 comments
bottom of page