“No one is in control of your happiness but you; therefore, you have the power to change anything about yourself or your life that you want to change.” Barbara de Angelis
มีคำพูดที่ว่า “เราเปลี่ยนใครไม่ได้นอกจากตัวเอง”
มีหลายๆ ครั้งที่แพรเคยได้ยิน หรือแม้แต่ตัวเองเป็นเอง ที่รู้สึกว่า ทำไมชีวิตเราช่างแย่จัง ทำไมคนนั้นทำกับเราแบบนี้ ทำไมเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดกับเราด้วย หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ ที่ทำลายวันดีๆ หนึ่งวันที่เราควรจะมี เช่น รถวันจันทร์โครตตต ติดเลย ไม่อยากไปทำงานเลย! แล้วก็พาลจะอารมณ์เสียตั้งแต่เช้า จนเย็น
ถ้าชีวิตเราทั้งชีวิต ต้องขึ้นอยู่กับสิ่งภายนอกที่เข้ามากระทบเรา ขึ้นอยู่กับคนอื่นตลอด แล้วเราจะมีความสุขอย่างแท้จริงได้อย่างไร? และเราจะต้องคอยโทษคนอื่นตลอดใช่ไหมว่า เป็นเพราะเรื่องแบบนี้ เขาทำแบบนี้ ทำให้เราต้องเป็นแบบนี้?
แต่ในเมื่อเราเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่แปลกเลย เมื่อมีสิ่งภายนอกมากระทบเรา แล้วจะทำให้เราเป็นทุกข์ใจ ถ้าสิ่งๆ นั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ใจเราต้องการ แต่เราจะมีวิธีการจัดการมันอย่างไร?
ถ้าใครเคยอ่านหนังสือที่มีชื่อเสียงมากเล่มหนึ่ง นั่นคือเรื่อง 7 habits of highly effective people ซึ่งเขียนโดย Stephen Covey คงจะเคยได้ยินคำว่า “Be proactive” มาก่อน ในความหมายของ Mr.Covey ก็คือ เราต้องเป็นคนกำหนดชีวิตของเรา รับผิดชอบต่อความคิด การกระทำและผลลัพธ์ด้วยตัวของเราเอง
แน่นอนว่าในโลกของความเป็นจริง เราจะต้องไปพบเจออะไรมากมายที่เข้ามากระทบจิตใจเรา ทำให้เรารู้สึกไม่ชอบใจไม่สบายใจ สิ่งที่ Mr.Covey แนะนำ และสอดคล้องกับคำสอนทางพระพุทธศาสนาก็คือ “การมีสติ”
การมีสติ เกิดขึ้นได้ โดยการฝึกฝนสมาธิ ให้เราสามารถรู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึกของเราได้ เช่น เมื่อมีคนมาทำร้ายความรู้สึกเรา เราอาจรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ เสียใจ ให้เราเพียงรู้ความรู้สึกนั้น และสามารถหยุดสัญชาตญาณการโต้ตอบอัตโนมัติของเรา ซึ่งอาจไม่ส่งผลดีใดๆ เลย หากเราสามารถหยุดพิจารณาได้ เราอาจมองว่า มันไม่ใช่ความจริง เราจะไปใส่ใจทำไม แล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป หรือถ้าเป็นคนที่เรารักทำให้เรารู้สึกแย่ เราอาจสามารถหยุดคิดพิจารณาว่า อะไรทำให้เขาคิดแบบนั้น และทำแบบนั้นกับเรา
ถ้าเราตัดสินใจว่า ชีวิตนี้ เราจะรับผิดชอบ กับความสุขของเรา อนาคตของเรา ชีวิตของเรา เราจะไม่ยอมให้ตัวเราจมอยู่กับความทุกข์ เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน แทนที่เราจะนั่งรู้สึกแย่ แต่พยายามมองหาบทเรียนจากมัน รู้จักมองโลกในแง่บวกให้ได้ ตระหนักถึงความจริง ของโลกใบนี้ว่า ทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ไม่มีอะไรจะอยู่ไปตลอด ไม่ว่าความสุขหรือความทุกข์
ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เป็นไปตามที่ใจเราต้องการ ก็ไม่ได้หมายความว่า ชีวิตเราจะจบแค่ตรงนั้น เรายังคงลุกขึ้นยืน และเริ่มก้าวเดินไปข้างหน้าได้เสมอๆ
เมื่อเราเลือกที่จะรับผิดชอบกับชีวิตของตัวเรา ความสุขของตัวเรา เราจะเลือกสิ่งที่ดีให้กับชีวิตของเราเอง เราจะไม่ยอมให้ตัวเองจมอยู่กับความทุกข์นานๆ เราจะไม่เอาตัวเองไปคลุกคลีกับคนที่ไม่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น และเราจะเลือกที่จะลงมือทำ เพื่อให้ชีวิตในแบบที่เราอยากได้เกิดขึ้นด้วยตัวของเราเอง ไม่นั่งรอดวง หรือไม่นั่งรออัศวินขี่ม้าขาวมาช่วย
“locus of control” เป็น term ทางจิตวิทยา ที่อธิบายความเชื่อของคนๆ หนึ่งในการกำหนดชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จ หรือ ความล้มเหลว
ถ้าบุคคลคนนั้น มี internal locus of control หรือมีความเชื่อว่าชีวิตของเขา เขาเป็นคำกำหนดเอง เขาจะมีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ มีความพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพราะเขาเชื่อว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากตัวของเขา มากกว่าคนที่มี external locus of control หรือมีความเชื่อว่า ชีวิตของเขาถูกกำหนด หรือได้รับอิทธิพลจากสิ่งภายนอกอย่างมาก คนกลุ่มนี้ มักไม่พยายามอะไรมากๆ เอาชีวิตไปขึ้นอยู่กับดวงชะตา วาสนา
มีงานวิจัยได้ทำการศึกษาและค้นพบว่า คนจำพวก internal locus of control มักจะประสบความสำเร็จและมีความสุขในชีวิตมากกว่าคนจำพวก external locus of control
เมื่อเข้าใจแบบนี้แล้ว เราเลือกเอาได้เลยค่ะ ว่า ชีวิตของเรา เราจะเขียนมันขึ้นมาเองด้วยมือของเราหรือไม่?
The Better You by Pair
เราเป็น Platform ที่แบ่งปันบทความด้านจิตวิทยาที่จะช่วยให้คุณสามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพจิตของคุณ
นอกจากนี้ เรายังมีบริการอื่นๆ ที่คุณสามารถใช้บริการได้ในรูปแบบออนไลน์ ได้แก่
การให้บริการปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยนักจิตวิทยามืออาชีพ ผู้มีประสบการณ์ให้คำปรึกษามากกว่า 100 ชั่วโมง
การบำบัดในรูปแบบต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเยียวยาจิตใจสำหรับปัญหาของคุณโดยเฉพาะ
Comments