top of page
Writer's pictureUngkana Kerttongmee

ปัญหาการเงินกับชีวิตคู่ (และทางออก)

Updated: Jul 17

เรื่องเงิน เป็นเรื่องที่สำคัญ และ เป็นหนึ่งในปัญหาของชีวิตคู่ ของคนจำนวนมาก

เงิน เป็นเครื่องมือ ที่เราใช้ในการแลกเปลี่ยนสิ่งของและบริการ ช่วยให้เราได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการ สร้างอำนาจการต่อรอง การควบคุมจัดการสิ่งต่างๆ สร้างสถานะที่ดีในสังคม สร้างความสุขสบายให้กับชีวิต สร้างความรู้สึกปลอดภัย หรือแม้แต่นำมาซึ่งความรัก ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถพูดได้ว่า คนที่มีเงิน มักเป็นคนที่มีอำนาจ



นักจิตวิทยาที่ให้คำปรึกษาคู่รักที่มีปัญหาจำนวนมากพบว่า ปัญหาด้านการเงิน เป็นหนึ่งในปัญหาอันดับต้นๆ ในความสัมพันธ์ และ ยิ่งถ้าปัญหานี้ไม่ได้ถูกจัดการ ก็จะนำไปสู่การเลิกรา หรือ แยกทางกัน


ในความสัมพันธ์ส่วนมาก จะมีคนหนึ่งที่มีรายได้มากกว่าอีกคนหนึ่ง แม้ว่าคนทั้งคู่จะทำงานก็ตาม (เราจะเรียกคนที่มีรายได้มากกว่าว่า ผู้นำ และ คนที่มีรายได้น้อยกว่าว่าผู้ตาม) ถ้าเรามองกันให้ดี เราจะพบว่า ยิ่งรายได้ระหว่างคนสองคนมีความต่างกันมากเท่าไร อำนาจในการตัดสินใจ ควบคุมในความสัมพันธ์ก็จะเสียสมดุลมากเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าในความสัมพันธ์นั้นมีคนที่หาเงินเพียงแค่คนเดียว


ผู้นำ ที่มีรายได้มากกว่า มักคาดหวังโดยที่ไม่รู้ตัวว่า ผู้ตาม จะต้องช่วยเหลือด้านอื่นๆ ในความสัมพันธ์แทนการหาเงิน ไม่ว่าจะเป็น ให้เวลากับเขามากขึ้น (แทนที่จะให้เวลากับตัวเอง หรือ สิ่งที่ผู้ตามอยากทำ) ดูแลบ้าน ทำอาหาร หรือ เลี้ยงลูก เป็นต้น


แม้ว่าผู้ตามจะรู้สึกดีที่ผู้นำหาเงินมาดูแลครอบครัวก็ตาม แต่บางครั้งก็ทำให้ผู้ตามรู้สึกผิด กับการที่จะต้องให้ผู้นำมาหาเงินเลี้ยงดู ทำให้ผู้ตาม พยายามทุกวิถีทางที่จะแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลบ้าน และเลี้ยงลูก เป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้นานๆ ก็จะทำให้ทั้งคู่เริ่มที่จะทะเลาะกัน วิพากวิจารณ์ในข้อเสียของอีกฝ่าย จนไปถึงขั้นเลิกรา


อำนาจทางการเงินมีผลอย่างไรในความสัมพันธ์


มีเคสหนึ่งที่นักจิตวิทยาได้ยกตัวอย่าง ก็คือ มีผู้หญิงคนหนึ่งแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย (20 ต้นๆ) และ หลังจากที่แต่งงานมาเป็นเวลา 15 ปี เธอก็ไปพบรักกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง คู่นี้เขามาปรึกษานักจิตวิทยาว่าจะทำอย่างไรที่จะรักษาชีวิตคู่ของพวกเขาได้ สามีของเธอทำงานเป็นอาจารย์ และ มีงานเสริมด้านการศึกษาหลายงาน เป็นคนที่มีรายได้หลักของครอบครัว (ผู้นำ) ส่วนฝ่ายหญิงเรียนจบทนาย แต่เลือกที่จะไม่ทำงาน แต่ทำงานอดิเรกที่ไม่ได้สร้างรายได้ของเธอแทน (ผู้ตาม) คู่นี้ไม่เคยพูดกันตรงๆ เรื่องการเงินเลย ฝ่ายหญิงไม่เคยบอกฝ่ายชาย ว่าเธอรู้สึกแย่ยังไงกับตัวเองกับการไม่มีรายได้ และต้องพึ่งพาสามีเพียงอย่างเดียว ความรู้สึกแย่และไม่มีค่า ทำให้เธอนอกใจสามี


ในช่วงของการปรึกษา ผู้นำได้เล่าถึงความรู้สึกโกรธ และ ขู่ว่าจะหย่า ภรรยาของเขา ทำให้ภรรยารู้ตัวว่า เธอพึ่งสามีในด้านการเงินมากแค่ไหน และ การหย่าจะทำให้ชีวิตของเธอลำบาก และ ไม่สบายเหมือนการอยู่กับสามี รวมถึงไม่ได้ทำงานอดิเรกที่เธอรักอีกต่อไป ทางเลือกของเธอคือ การเลิกกับสามีและไปเริ่มต้นกับคนรักใหม่ หรือ จะเลือกกับคนรักใหม่ และ กลับมาเริ่มต้นใหม่กับสามีคนเก่าและมีการช่วยเหลือทางการเงินแบบเดิม สามียังคงรักภรรยา และ โอเคที่จะให้เธอกลับมา


บทสรุปสำหรับคู่นี้ก็คือ ภรรยาเลือกที่จะเลิกกับคนรักใหม่ และ หางานทำเพื่อให้มีรายได้ในการดูแลตัวเอง ในขณะที่สามียังคงจ่ายเงินเลี้ยงดูเธอเหมือนเดิม


อำนาจทางการเงินเริ่มต้นในความสัมพันธ์ได้อย่างไร


ผู้ตามมีรายได้ที่น้อยกว่าด้วยเงื่อนไขของเขา หรือ ตัดสินใจที่จะไม่ทำงานก็ตาม ซึ่งทางเลือกของผู้ตามนี้จะส่งผลให้เขาไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ตามในการตัดสินใจต่างๆ ในชีวิตคู่ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกงาน การตัดสินใจที่จะมีลูกหรือไม่ หรือ แม้แต่การตัดสินใจเรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน


ในช่วงเริ่มต้น ผู้ตามอาจจะยังไม่รู้สึกอะไร เพราะเขายังคงรู้สึกสบายกับการมีคนหาเงินมาดูแล แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ตามก็จะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า รู้สึกผิด จนถึงรู้สึกโกรธที่ผู้นำมักจะทำให้เขาต้องรู้สึกชื่นชม หรือ ขอบคุณการหาเงินมาดูแลอยู่เสมอๆ


บางคนอาจจะยึดติดกับความสบาย ที่ไม่ต้องหาเงินด้วยตัวเอง จนไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็น และ ความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง ทำให้แสดงออกมาเป็นพฤติกรรมการประชดประชัน และอื่นๆ ที่ทำให้เกิดเป็นความขัดแย้ง หรือ ไม่มีความสุขในความสัมพันธ์


ยิ่งผู้นำรวยแค่ไหน ความกดดันก็จะตกอยู่กับผู้ตามมากขึ้นเท่านั้น การที่ไม่ได้ทำงาน ทำให้ผู้ตาม ไม่รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง และ มีพฤติกรรมโทษคนอื่น


สิ่งที่พบเห็นได้บ่อยครั้งก็คือ ผู้ตามมักแสดงความรู้สึกแย่ในรูปแบบของการวิพากวิจารณ์คู่ของตัวเอง หาสิ่งที่ไม่ดีของเขามาติ ตำหนิว่าเขาไม่เคยมีเวลาให้ลูก คิดถึงแต่เรื่องงาน หรือ แม้แต่ว่าเขาไม่เคยเข้าใจอะไร ไม่เคยให้เวลากับครอบครัว เป็นต้น ซึ่งสิ่งนี้เปรียบเสมือนภาษีที่ผู้ตามที่มีรายได้และอำนาจมากกว่าจะต้องจ่ายนั่นเอง



เมื่อเวลาผ่านไป ผู้นำจะเริ่ม สนับสนุนให้ผู้ตามที่ไม่มีความสุข ทำในสิ่งที่เขามีความสุข เพื่อให้พวกเขาทั้งสองคนมีความสุข แต่ผู้นำจะเริ่มตัดสิน ทดสอบ ผู้ตามแบบไม่รู้ตัว ว่าเขาไม่ได้เรื่อง และ ขี้เกียจเป็นต้น


ความทุกข์และความขัดแย้งในความสัมพันธ์ก็จะยิ่งมีมากขึ้น เพราะผู้ตามก็จะยิ่งแสดงออกเพื่อปกปิดความรู้สึกแย่ และ ด้อยกว่าผู้ตามในความสัมพันธ์ และ ยิ่งถ้าผู้ตามรู้สึกภูมิใจกับการหาเงินและงานของเขามากเท่าไร เขาก็จะยิ่งกดผู้ตามมาขึ้นเท่านั้น


  1. กรณีที่ผู้นำชอบงานของเขา : เขาจะพูดถึงความพึงพอใจ และ ความสามารถของตัวเองในการทำงาน และคาดหวังให้คู่ของตัวเองชื่นชม ความสามารถในการหาเงินมาดูแลครอบครัว

  2. กรณีที่ผู้นำไม่ชอบงานของเขา : เขาก็จะพูดว่าเขาจะต้องเสียสละมากแค่ไหนที่จะต้องทำงานเพื่อที่จะหาเงินมาดูแลครอบครัว บางครั้งก็จะระบายความเครียดในรูปแบบต่างๆ ต่อคู่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น การตำหนิ วิพากวิจารณ์ ต่อว่า หรือ แม้แต่ใช้กำลัง



สิ่งที่จะต้องทำ


รับรู้ว่าเรากำลังมีปัญหานี้ และพูดคุยหาทางออก ซึ่งสามารถทำได้ด้วย 3 ขั้นตอนต่อไปนี้

1. สำหรับผู้ตาม - จงรู้ว่าตัวเองมีคุณค่า : เริ่มต้นที่เราจะต้องมีรายได้เพื่อดูแลตัวเองให้ได้เสียก่อน

  1. ถ้าเรามีรายได้ที่สามารถดูแลตัวเองได้ เราก็จะมีความรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการคุยกับคู่รักของเราในเรื่องนี้

  2. ถ้าเราไม่มีรายได้ในการดูแลตัวเองได้ : ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เราไม่กล้าที่จะพูดเรื่องการเงินกับคนรักของเขา เราควรรู้สึกขอบคุณที่อีกฝ่ายดูแลเรา และรู้ว่า เรากำลังรู้สึกผิด และ รู้สึกแย่ที่เป็นภาระของอีกฝ่าย และ ถ้าเป็นไปได้ อธิบายความรู้สึกนี้ให้กับคนรักของเราได้เข้าใจ

  3. ถ้าเราไม่ได้ทำงาน ให้ถามตัวเองว่า อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราในตอนนี้ อะไรคือสิ่งที่สำคัญมากกว่าการหาเงิน เพราะอะไรเราถึงไม่ทำงาน และ เราจะมีส่วนช่วยในครอบครัว หรือ คนรักของเราอย่างไรบ้าง จงจำไว้ว่า ในแต่ละความสัมพันธ์ การช่วยเหลือมีความแตกต่างกันไป ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นในรูปแบบของเงินเพียงอย่างเดียว

2. อธิบายความรู้สึกของเราให้คนรักได้เข้าใจ : การพูดคุยอย่างเปิดใจ รวมถึงรับฟังความรู้สึกและความคิดของอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งหลายๆ คู่ไม่ทำ เมื่อเกิดความเข้าใจขึ้น เราก็จะสามารถปรับวิธีการอยู่ร่วมกันได้มากขึ้น



3. ถ้ามีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอยากเปลี่ยนหน้าที่ในการหารายได้หลัก : การเปลี่ยนแปลงนี้ อาจไม่คุ้นเคยในช่วงแรก ซึ่งเราต้องพยายามทำความเข้าใจว่านี่ไม่ได้เป็นเพราะคนรักไม่ได้รักเรา


เรื่องเงินเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะต้องมีการพูดคุยและตกลงกัน ไม่อย่างนั้นก็จะนำปัญหา และ ความไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ของเราได้นะคะ



 

The Better You Counseling

คุณพร้อมหรือยังที่จะปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง? The Better You Counseling พร้อมเป็นกุญแจสำคัญในการไขความลับสู่ชีวิตที่ดีกว่า ด้วยบริการให้คำปรึกษาที่หลากหลายทั้ง Online และ Onsite เราพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านสุขภาพจิตของคุณ

🔓 Individual Counseling: เซสชั่นส่วนตัวเพื่อสำรวจตัวตนและค้นหาแนวทางในการเติบโต

💑 Couple Counseling: เสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างคู่รัก

👥 Group Counseling: แบ่งปันและเรียนรู้ร่วมกันในกลุ่มที่มีประสบการณ์คล้ายคลึงกัน

เรายังมีหลักสูตรด้านจิตวิทยาที่หลากหลาย ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง เพื่อเสริมทักษะการให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพ พร้อมด้วยบริการบำบัดรักษาเฉพาะทางสำหรับ:

🩹 ผู้ประสบภาวะสะเทือนขวัญทางใจ (Trauma)

✍️ การบำบัดผ่านการเขียน (Writing Therapy)

🧘‍♀️ Retreat Program ที่ผสมผสานการบำบัดและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

สำหรับองค์กร เราพร้อมให้บริการ:

🔍 วิเคราะห์สุขภาพจิตในที่ทำงาน

🎓 จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีในสถานที่ทำงาน

 



9,511 views0 comments

Comments


bottom of page