วิธีเยียวยาจากความโศกเศร้า: การอนุญาตให้ตัวเองเศร้าและ "Move On" อย่างเข้าใจ
- Ungkana Kerttongmee
- 3 days ago
- 1 min read
การเผชิญหน้ากับการสูญเสียความสัมพันธ์กับแฟนเก่าเป็นเรื่องที่เจ็บปวด การเรียนรู้ที่จะ "move on" ไม่ได้หมายถึงการลืมความรักครั้งเก่าทั้งหมด แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความทรงจำและความรู้สึกเหล่านั้น พร้อมกับก้าวไปข้างหน้าได้อย่างสมดุล บทความนี้จะแนะนำวิธีเยียวยาจากความเสียใจ โดยอ้างอิงจาก ทฤษฎี Dual Process Model of Coping with Bereavement (DPM) ซึ่งอธิบายว่าการเยียวยาคือการสลับไปมาระหว่างสองโหมดหลัก

1. อนุญาตให้ตัวเองเศร้า: ไม่ต้องรีบ "Move On"
สิ่งแรกที่ต้องทำคือการอนุญาตให้ตัวเองรู้สึกเจ็บปวดอย่างเต็มที่ การพยายาม "move on" เร็วเกินไปอาจทำให้ความเศร้าถูกเก็บกดไว้ และอาจส่งผลเสียในระยะยาว การเผชิญหน้ากับความโศกเศร้าเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เราได้ประมวลผลความรู้สึก และยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
เผชิญหน้ากับความทรงจำ การเผชิญหน้ากับความทรงจำไม่ใช่การจมปลักอยู่กับอดีต แต่เป็นการให้พื้นที่กับความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ลองใช้วิธีเหล่านี้เพื่อช่วยให้การระบายความรู้สึกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ:
เขียนไดอารี่หรือจดบันทึกความรู้สึก: การเขียนจะช่วยให้คุณได้ระบายความรู้สึกออกมาโดยไม่ต้องกลัวการตัดสินจากใคร เขียนทุกอย่างที่คุณรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความเสียใจ ความผิดหวัง หรือแม้แต่ความสับสน
พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ: การได้ระบายความรู้สึกกับเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวที่เข้าใจ จะช่วยให้คุณรู้สึกไม่โดดเดี่ยว และการพูดคุยก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดความหนักอึ้งในใจได้
ใช้เวลาอยู่กับความทรงจำอย่างมีขอบเขต: อนุญาตให้ตัวเองได้ดูรูปเก่าๆ หรือฟังเพลงที่เคยฟังด้วยกัน แต่อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับมันนานเกินไป กำหนดเวลาที่ชัดเจน เช่น "ฉันจะดูรูปเก่าๆ แค่ 15 นาที แล้วจะไปทำอย่างอื่น"
ยอมรับความเจ็บปวด ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของคนเราเมื่อต้องเผชิญกับความสูญเสีย การยอมรับความเจ็บปวดไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้ แต่เป็นการ ให้เกียรติกับความรู้สึกของตัวเอง โดยสามารถทำได้ดังนี้:
ไม่ตัดสินความรู้สึกของตัวเอง: ไม่ต้องบอกตัวเองว่า "ไม่ควรรู้สึกแบบนี้" หรือ "ต้องเข้มแข็งกว่านี้" ทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นมีความหมายและเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเยียวยา
ฝึกสติอยู่กับปัจจุบัน (Mindfulness): ลองสังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้นในร่างกายและจิตใจอย่างไม่ตัดสิน เช่น "ตอนนี้ฉันรู้สึกหนักที่หน้าอก" หรือ "ฉันรู้สึกเศร้า" การสังเกตอย่างมีสติจะช่วยให้คุณรับรู้ความรู้สึกได้ดีขึ้นโดยไม่ถูกครอบงำ
บอกตัวเองว่า "ไม่เป็นไรที่จะไม่โอเค": การยอมรับว่าคุณยังไม่โอเค ไม่ได้ทำให้คุณอ่อนแอ แต่มันคือการยอมรับความจริงที่ช่วยให้คุณก้าวต่อไปได้
การใช้เวลาในการเผชิญหน้ากับความรู้สึกเหล่านี้ ถือเป็นหัวใจสำคัญของ Loss-Oriented Coping เพราะการเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ จะเป็นรากฐานที่มั่นคงในการก้าวไปสู่ขั้นตอนต่อไป นั่นก็คือการปรับตัวเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
ทฤษฎีจิตวิทยาที่เกี่ยวข้อง: ในทฤษฎี DPM โหมดนี้เรียกว่า "Loss-Oriented Coping" ซึ่งหมายถึงการเผชิญหน้ากับความสูญเสียอย่างตรงไปตรงมา การทำความเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นและการหวนรำลึกถึงความทรงจำดีๆ ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเยียวยาที่แท้จริง
2. ก้าวต่อไป: เรียนรู้ที่จะ "Move On" อย่างมีชีวิตชีวา
เมื่อคุณได้ให้เวลาตัวเองเศร้าอย่างเต็มที่แล้ว ถึงเวลาที่จะค่อยๆ เรียนรู้ที่จะ "move on" การก้าวต่อไปไม่ได้หมายความว่าคุณจะลืม แต่เป็นการที่คุณอนุญาตให้ชีวิตของคุณเดินหน้าต่อไปได้อีกครั้งอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สร้างกิจวัตรใหม่
การเริ่มต้นกิจวัตรใหม่เป็นวิธีที่ช่วยให้ชีวิตกลับมามีความรู้สึกปกติอีกครั้ง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง
กลับไปหากิจกรรมที่เคยรัก: ลองกลับไปทำงานอดิเรกที่คุณเคยมีความสุข หรือกิจกรรมที่เคยทำให้คุณยิ้มได้ อาจเป็นการอ่านหนังสือ ดูหนัง ไปเที่ยวคนเดียว หรือกลับไปออกกำลังกาย
ลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ: การเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือเข้าร่วมกลุ่มสังคมใหม่ ๆ จะช่วยให้คุณได้ใช้พลังงานไปกับสิ่งที่เป็นประโยชน์และสร้างความภูมิใจในตัวเองได้ เช่น การเข้าคอร์สทำอาหาร เรียนภาษาใหม่ หรืออาสาทำงานเพื่อสังคม
ยอมรับบทบาทใหม่ เมื่อความสัมพันธ์จบลง บทบาทของคุณในฐานะคู่รักก็สิ้นสุดลงเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้คุณต้องปรับตัวกับสถานะใหม่ ทั้งการใช้ชีวิตคนเดียวหรือการทำสิ่งต่าง ๆ ที่เคยทำร่วมกัน
เผชิญหน้ากับการอยู่คนเดียว: การใช้ชีวิตคนเดียวอาจดูน่ากลัวในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเริ่มเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับตัวเองได้
เรียนรู้ที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง: หากที่ผ่านมาคุณมีคู่รักคอยดูแลเรื่องต่าง ๆ ให้ ลองเรียนรู้ที่จะทำสิ่งเหล่านั้นด้วยตัวเอง เช่น การจัดการการเงิน ซ่อมแซมของใช้ในบ้าน หรือแม้แต่การเดินทางคนเดียว
ทฤษฎีจิตวิทยาที่เกี่ยวข้อง: โหมดนี้เรียกว่า "Restoration-Oriented Coping" ซึ่งคือการปรับตัวเพื่อก้าวไปสู่ชีวิตใหม่ การหันมาสนใจกับเรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากความเศร้า จะช่วยให้เราได้พักจากความรู้สึกที่หนักอึ้ง และสร้างความหวังในการมีชีวิตต่อไป
หัวใจสำคัญของการ "Move On" อย่างสมดุล
การเยียวยาจากความสัมพันธ์ที่จบลงไม่ใช่เส้นทางเดียวที่ต้องเดินหน้าไปอย่างไม่มีวันหันกลับ แต่เป็นการเดินทางที่สลับไปมาระหว่างความเศร้าและความหวัง ความสมดุล คือหัวใจสำคัญของการ "move on" ที่แท้จริง
การเดินทางที่ไม่ใช่เส้นตรง 🚶♀️➡️↩️
ในบางวัน คุณอาจรู้สึกพร้อมที่จะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ แต่ในวันต่อมา คุณอาจรู้สึกเศร้าและอยากอยู่กับความทรงจำเก่าๆ นั่นไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะการเยียวยาไม่เป็นไปตามเส้นตรง แต่เป็นการเดินทางที่สลับไปมาระหว่าง "Loss-Oriented Coping" (การจมอยู่กับความเศร้า) และ "Restoration-Oriented Coping" (การปรับตัวสู่ชีวิตใหม่) การสลับไปมานี้ช่วยให้คุณได้พักจากความรู้สึกที่หนักอึ้งและค่อยๆ กลับมามีความสุขกับชีวิตอีกครั้งโดยไม่รู้สึกผิด
การยอมรับทั้งสองด้าน
อนุญาตให้ตัวเองรู้สึกเศร้า เพราะความรู้สึกนั้นเป็นเครื่องเตือนใจว่าคุณได้เคยรักและทุ่มเทให้กับความสัมพันธ์นั้น และในขณะเดียวกันก็ อนุญาตให้ตัวเอง "move on" อย่างมีความหมาย ด้วยการค้นพบตัวเองอีกครั้ง การสร้างกิจวัตรใหม่ และการเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับชีวิตโดยไม่มีเขาข้างกาย การเยียวยาที่สมบูรณ์จึงเป็นการผสมผสานทั้งสองด้านเข้าด้วยกันอย่างสมดุล ทำให้คุณสามารถก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคงและมีความสุขได้อีกครั้ง
The Better You Counseling ให้บริการด้านการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต และสำหรับผู้ที่สนใจพัฒนาทักษะการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
บริการสำหรับบุคคลทั่วไป: มีทีมนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างมืออาชีพ สามารถนัดหมายเพื่อพูดคุยได้
คอร์สเรียนและพัฒนาทักษะ: มีหลักสูตรสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยาขั้นพื้นฐาน และสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นนักให้คำปรึกษามืออาชีพ
ข้อมูลการติดต่อ: คุณสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้โดยการ add line @thebetteryou
Comments